วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ดอกสัก


ใบอ่อนที่แตกจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และโตเต็มที่ราว ๆ เดือนกรกฎาคม ช่อดอกจะเริ่มแทงออกมา ดอกสักเล็ก ๆ เริ่มทยอยบาน ช่วงเวลาที่ดอกสักบาน คือ เดือนกันยายน ดอกสักช่อหนึ่ง ๆ ยาวประมาณ 40-60 เซนติเมตร แต่ละช่อดอกประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ สีขาวหรือขาวแต้มม่วงและมีจำนวนมากถึงช่อละ 750-3,000 ดอก ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของช่อดอกและลำต้น ดอกสักจะทยอยบานไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ดอกที่เริ่มบานตอนเช้าจะร่วงหล่นในตอนเย็น หรือเช้าวันถัดไปถ้าดอกไม่ได้รับการผสมเกสร

ดอกสักแต่ละดอกมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 มิลลิเมตร มีกลีบดอกสีขาว หรืออาจมีสีม่วงสลับจำนวน 6 กลีบ ในดอกประกอบด้วยก้านเกสรตัวผู้ชูอับเรณู สีเหลือง 6 ก้าน ตรงกลางดอกมีก้านเกสรตัวเมียขนาดใหญ่ 1 ก้าน ปลายก้านแยกเป็น 4 แฉก ชูเกสรตัวเมีย ที่ฐานของก้านเกสรตัวเมียและฐานดอกเป็นกระเปาะของรังไข่ ภายในมีช่อง 4 ช่อง ช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การผสมเกสรของดอกสัก คือประมาณ 11.00-15.00 น. โดยมีแมลง เช่น ผีเสื้อ ผึ้ง และมด เป็นตัวช่วยผสมเกสร ในตำราแพทย์แผนไทยใช้ดอกสักต้มน้ำดื่มเพื่อขับปัสสาวะใช้ใบต้มกับน้ำ รับประทานเป็นยาลดน้ำตาลในเลือด. 

ที่มา : ดอกสัก

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แตงกวา


แตงกวาเป็นพืชเถาเลื้อยมีมือเกาะ ลำต้นมีขนขึ้นปกคลุม ยาวประมาณ 2-3 เมตร มีรากแก้ว ใบเป็นใบเดี่ยว ดอกตัวผู้ ตัวเมียแยกกันแต่อยู่บนต้นเดียวกัน ดอกตัวเมีย มีสีเหลือง ลักษณะคล้ายแตงกวาผลเล็ก ๆ ติดกับกลีบดอก

ผลในขณะยังเล็กมีหนามเล็ก สีขาวและสีดำ เนื้อผลของแตงกวานิยมนำมาบำรุงผิวหนังด้วยมีสารกลูซิด กรดอะมิโน และเกลือแร่ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิวหนัง ในขณะที่สาร ซิสติน และสารเมธิโอนิน ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง ผลแตงกวามีความชื้น 96.4% โปรตีน 0.4% ไขมัน 0.1% คาร์โบไฮเดรต 2.8% แร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก วิตามินบี และวิตามินซี มีเอนไซม์หลายชนิด ใบและเนื้อในเมล็ดจากเมล็ดแก่คนไทยโบราณนำมากินเป็นยาถ่ายพยาธิ แก้ท้องเสีย ผลและเมล็ดอ่อน มีสรรพคุณฝาดสมาน เสริมการทำงานของระบบประสาท ช่วยความจำ ลดอาการนอนไม่หลับ แก้กระหายน้ำ มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงผมและเล็บ เถา ช่วยลดความดันเลือด. 

ที่มา : แตงกวา

Blog พันธมิตร